รู้จักกับสาเหตุไขมันในเลือดสูง ภาวะเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงที่หลายคนไม่เคยรู้

ไขมันในเลือดสูง ภัยร้ายที่นำไปสู่สารพัดโรค

รู้หรือไม่ว่าในเลือดของเราทุกคนมีส่วนประกอบของไขมันรวมอยู่ด้วย ซึ่งหากมีไขมันในเลือดระดับที่ดีตามมาตรฐานก็จะทำให้ร่างกายมีความสมดุลแข็งแรงไม่เจ็บป่วยได้ง่าย ๆ ในทางกลับกันหากคุณมีไขมันในเลือดสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานละก็ อาจทำให้คุณเข้าสู่ภาวะเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงหลากหลายชนิด โดยเฉพาะกลุ่มโรคหัวใจไม่ว่าจะเป็น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหัวใจขาดเลือด เป็นต้น วันนี้ Trin Wellness จะพาคุณไปทำความรู้จักกับภาวะไขมันในเลือดสูงให้มากขึ้น เพื่อให้คุณพร้อมรับมือด้วยการตรวจไขมันในเลือดและวางแผนล้างไขมันในเส้นเลือดได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

ภาวะไขมันในเลือดสูงคืออะไร?

ไขมันในเลือดสูงคือ ภาวะที่ทางเดินหลอดเลือดของเรามีไขมันประเภทคอลเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกรีเซอร์ไรด์ (Triglyceride) เกาะและอุดตันในผนังหลอดเลือดส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ทำให้ไม่สามารถลำเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวไปหล่อเลี้ยงตามอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ตามปกติ เมื่อไขมันในเลือดบางส่วนที่ไม่สามารถย่อยสลายด้วยตับได้เศษที่เหลือก็อาจจะไปกองอยู่ที่ส่วนของไต และถูกขับออกมาทางปัสสาวะอีกที เป็นภาวะที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า จึงทำให้การตรวจวันระดับไขมันในเลือดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัย 35 ปีขึ้นไปจำเป็นต้องได้รับการตรวจอย่างน้อยปีละครั้ง

ไขมันในเลือดมีกี่ชนิด?

เมื่อเข้ารับการตรวจวันระดับไขมันในเลือดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการวิเคราะห์จากไขมันทั้งหมด 4 ชนิดดังต่อไปนี้

1. คอเลสเตอรอล (Cholesterol)

คอลเลสเตอรอล คือ ไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถรับได้จาก 2 ทางคือจากการสังเคราะห์ขึ้นเองจากตับและลำไส้ กับอีกทางคือมาจากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อส่วนที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบจะพบคอเลสเตอรอลในปริมาณมาก ตามจริงแล้วคอลเลสเตอรอลถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญต่อเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของพวกเรา แต่ถ้าหากมีปริมาณมากเกินไปคอเลสเตอรอลก็จะไปสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดแดง ทั้งหลอดเลือดหัวใจ, หลอดเลือดสมอง และหลอดเลือดส่วนต่าง ๆ ซึ่งจะมีผลทำให้หลอดเลือดตีบได้ในอนาคต

  • ตามมาตรฐานทั่วไปคนเราควรมีปริมาณคอเลสเตอรอลอยู่ไม่ควรต่ำกว่า 200 ml/dL. 
  • หากอยู่ในระดับ 240 ml/dL. ขึ้นไปถือว่าอยู่เกณฑ์เสี่ยงต่อภาวะไขมันในเลือดสูง

2. ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride)

ไตรกลีเซอไรด์ คือ ไขมันที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้จากตับ และสามารถรับเข้ามาได้จากปัจจัยภายนอกอย่างอาหารประเภทไขมันแท้ และอาหารที่มีน้ำตาลสูงไม่ว่าจะเป็น เบเกอรี่ที่มีส่วนประกอบของเนย ขนมที่มีส่วนประกอบของแป้งในปริมาณมาก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มผสมน้ำตาล อาหารทอด หมูสามชั้น เป็นต้น เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารเหล่านี้มากเกินความจำเป็น ในส่วนที่เหลือก็จะถูกแปรรูปเป็นไตรกลีเซอไรด์และนำไปสะสมตามเนื้อเยื่อชั้นไขมัน และสะสมในตับเพื่อเป็นพลังงานสำรองของร่างกาย

  • ปริมาณไตรกลีเซอไรด์ตามมาตรฐานควรอยู่ในระดับไม่น้อยกว่า 150 Ml/dl. 
  • ไม่ควรให้ค่าไตรกลีเซอไรด์สูงกว่า 200 Ml/dl. ซึ่งจะอยู่ในเกณฑ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพโดยตรง

3. ไขมันดี HDL (High Density Lipoprotein)

ไขมันดี HDL คือ ไขมันชนิดหนึ่งที่คอยทำหน้าที่ในการลำเลียงคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์จากหลอดเลือดแดงและตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ไปย่อยสลายที่ตับเพื่อผลิตออกมาเป็นน้ำดี มากไปกว่านั้นไขมันดียังสามารถช่วยป้องกันการสะสมของไขมันเลว LDL ในบริเวณหลอดเลือดแดงได้เป็นอย่างดี สามารถหาไขมันดีได้จากอาหารที่มีกรดไขมันสูง เช่น ปลาทะเล ปลาแซลมอน ไข่ไก่ ผลอะโวคาโด เป็นต้น

  • ในร่างกายควรมีไขมันดี HDL ประมาณ 60 Ml/dl. 
  • ไม่ควรต่ำกว่า 35 Ml/dl.

4. ไขมันเลว LDL (Low Density Lipoprotein)

ไขมันเลว LDL คือ ไขมันชนิดหนึ่งที่คอยลำเลียงคอเลสเตอรอลไปสะสมไว้ตามเนื้อเยื่อและหลอดเลือดแดง หากในร่างกายมีปริมาณไขมันเลวมากเกินไปจะส่งผลให้หลอดเลือดแดงเกิดการตีบตันได้ และอันตรายต่อระบบการทำงานของหัวใจเป็นอย่างมาก โดยไขมันชนิดนี้ล้วนมาจากปัจจัยภายนอกอย่างอาหาร เช่น อาหารประเภททอด เบเกอรี่ที่มีส่วนผสมของเนยและมาการีน ครีมเทียมในเครื่องดื่มประเภทกาแฟ กะทิ และน้ำมันจากสัตว์ เป็นต้น

  • ระดับของไขมันเลว LDL ที่ยอมรับได้จะอยู่ระหว่าง 60-130 Ml/dl. 
  • หากมีปริมาณมากกว่า 159 Ml/dl. ถือว่าเสี่ยงต่อภาวะไขมันในเลือดสูง

ระดับไขมันในเลือดที่เหมาะสมตามช่วงอายุ

อายุไม่เกิน 19 ปี

  • คอเลสเตอรอลรวม = ต่ำกว่า 170 mg/dL
  • Non-HDL คอเลสเตอรอล = ต่ำกว่า 120 mg/dL
  • LDL = ต่ำกว่า 110 mg/dL
  • HDL = สูงกว่า 45 mg/dL

อายุ 20 ปีขึ้นไป

  • คอเลสเตอรอลรวม = 125 ถึง 200 mg/dL
  • Non-HDL คอเลสเตอรอล = ต่ำกว่า 120 mg/dL
  • LDL = ต่ำกว่า 110 mg/dL
  • HDL = เพศชายตั้งแต่แรกเกิด: 40 หรือสูงกว่า และเพศหญิงตั้งแต่แรกเกิด: 50 หรือสูงกว่า

สาเหตุไขมันในเลือดสูงที่หลายคนไม่เคยรู้

ภาวะไขมันในเลือดสูงนั้นสามารถเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยที่นอกเหนือจากอาหารการกินที่มีการทานอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันจากสัตว์ แป้งและน้ำตาลสูง โดยมีปัจจัยอื่น ๆ ดังต่อไปนี้

  • กรรมพันธุ์จากคนในครอบครัว
  • ผลข้างเคียงจากโรคบางชนิด เช่น โรคตับ โรคไต โรคต่อมไร้ท่อ (โรคเบาหวาน, โรคไทรอยด์, ต่อมหมวกไต)
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ฮอร์โมน ยาคุมกำเนิด ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เป็นต้น
  • ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • ไม่ออกกำลังกาย

อาการข้างเคียงจากภาวะไขมันในเลือดสูง

ภาวะไขมันในเลือดสูงมักจะพบอาการหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น อาการแน่นหน้าอก อาการหายใจไม่ทั่วท้อง อาจมีอาการใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะร่วมด้วย โดยอาการภายนอกจะมีเหงื่อออก มือเท้าสั่น เหนื่อยง่าย วิงเวียนศีรษะ และอาจมีหน้ามืดหมดสติได้ด้วยเช่นกัน หากพบอาการเหล่านี้ให้สันนิษฐานได้เลยว่าเป็นผลพวงมาจากปริมาณไขมันในเลือดที่ผิดปกติ ควรได้รับการตรวจโดยเร็วที่สุด

แนวทางการรักษาภาวะไขมันในเลือดสูงโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ในการรักษาภาวะไขมันในเลือดสูงจะแบ่งออกเป็น 2 อย่างควบคู่กันก็คือการรักษาด้วยยาทาน และการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน โดยตัวยาที่นำมาใช้รักษาภาวะไขมันในเลือดสูงมีทั้งหมด 3 กลุ่มคือ

  • ยาที่มีคุณสมบัติในการลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันเลว LDL เช่น ยากลุ่มไฟเบรต (Fibrates) 
  • ยาที่มีคุณสมบัติในการลดระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอล เช่น ยาสเตติน (Statins), ยากลุ่มอนาล็อก (Analogue) และยากรดนิโคตนิก (Nicotinic Acid) 
  • ยากลุ่มโปรตีเนสอินฮิบิเตอร์ (Protease Inhibitor) เป็นตัวเดียวกันกับยาที่ใช้รักษาโรค HIV

ส่วนในการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ลดการทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันสัตว์ ขนมจุกจิกที่มีส่วนประกอบของแป้งและน้ำ เน้นทานอาหารจำพวกโปรตีนและอาหารประเภทผักผลไม้ให้มากขึ้น ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ พักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละ ที่สำคัญต้องมีการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยเพื่อให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันในเลือดส่วนเกิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีลดไขมันในเลือดสูงด้วยตัวเองแบบไม่ต้องพึ่งยา

สำหรับภาวะไขมันในเลือดสูงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร แอลกอฮอล์ หรือภาวะโรคบางอย่าง การเริ่มต้นลดไขมันในเลือดจึงต้องเริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง รวมทั้งลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เพิ่มคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดไขมันในเลือดได้ด้วย 5 วิธี ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนเมนูอาหาร

การลดไขมันในเลือดควรเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนเมนูอาหาร โดยจำกัดปริมาณหรือลดการรับประทานไขมันอิ่มตัว เลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์ และเพิ่มการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารชนิดละลายน้ำ หรือโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู หรือปลากะพง เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มการรับประทานอาหารประเภทโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อให้โปรตีนเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง

2. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไตรกลีเซอร์ไรด์เพิ่มขึ้น ผู้ที่ต้องการลดไขมันในเลือดที่นอกจากจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเมนูอาหารแล้ว ยังต้องหลีกเลี่ยงหรืองดดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย

3. เลิกสูบบุหรี่

สำหรับการสูบบุหรี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิด LDL เพิ่มขึ้น และยังส่งผลทำให้ระบบไหลเวียนเลือดยากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากผลกระทบของคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เข้าไปจับกับออกซิเจนในเลือดจึงทำให้เลือดมีความหนืด และส่งผลทำให้เกิดลิ่มเลือดได้ง่ายขึ้น หากใครที่กำลังต้องการลดไขมันในเลือด การหลีกเลี่ยงหรืองดสูบบุหรี่จะช่วยกระตุ้นไขมันเลว LDL เพิ่มสุขภาพเลือดและหลอดเลือดได้

4. จัดการกับความเครียด

เมื่อมีความเครียดที่สะสมจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) เพื่อรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้น หากผู้ที่มีความเครียดสะสมเรื้อรังอาจส่งผลกระทบให้ร่างกายผลิตคอเรสเตอรอลชนิด LDL เพิ่มสูงขึ้น การได้รับผลตรวจว่ามีภาวะไขมันในเลือดสูงแล้วต้องอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการกินอาหาร อาจส่งผลทำให้เกิดความเครียดได้ง่ายขึ้นจนไม่สามารถปรับวิถีชีวิตได้ตามคำแนะนำของแพทย์

5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้นการสร้างไลโปโปรตีนหรือไขมันดี (HDL) ซึ่งทำหน้าที่ขนส่งไขมันออกจากเซลล์และกลับเข้าสู่ตับเพื่อย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกาย การเพิ่มไขมันดีจะช่วยลดโอกาสการเกิดไขมันสะสม (Plaque) ภายในหลอดเลือด คำแนะนำที่ดีในการลดไขมันในเลือดคือการออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที เป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์ โดยเลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่ถนัด ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งช้า ๆ หรือการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ

อาหารสำหรับผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง

  • เนื้อสัตว์ และถั่วเมล็ดแห้ง ควรเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน เช่น อกไก่ ปลา หมูเนื้อแดง ถั่วเหลือง ถั่วแดง หรือเต้าหู้ 
  • ผัก ควรเลือกรับประทานผักสด ผักต้ม หรือผักที่ผ่านการทำให้สุกโดยที่ไม่ใช้น้ำมัน
  • ผลไม้ ควรเลือกรับประทานผลไม้สด เช่น ส้ม กล้วย ส้มโอ ฝรั่ง มะม่วง แอปเปิ้ล ลูกแพร์ หรือผลไม้แห้ง
  • ธัญพืช ควรเลือกรับประทานขนมปังโฮลวีต ข้าวกล้อง
  • ไขมัน ควรเลือกรับประทานไขมันจากพืช เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันงา น้ำมันสลัด น้ำมันเมล็ดทานตะวัน

สรุปเกี่ยวกับภาวะไขมันในเลือดสูง

ภาวะไขมันในเลือดสูงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมในการทานอาหารที่ไม่ค่อยเลือกทาน เช่น ขนมจุบจิบ เบเกอรี่ที่มีเนยเยอะๆ การทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันเยอะ การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยออกกำลังกายหรือแม้กระทั่งพักผ่อนไม่เพียงพอ ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเราเข้าสู่ภาวะไขมันในเลือดสูงได้ ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะดูตัวเล็กก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นได้เช่นกัน ดังนั้นการตรวจวัดระดับไขมันในเลือดคือวิธีที่สามารถบ่งชี้ตัวคุณได้ชัดเจนที่สุด สำหรับใครที่กำลังมองหาบริการไขมันในเลือดที่ Trin Wellness พร้อมรับตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปรึกษากับพวกเราผ่านทางเว็บไซต์ได้ทันที

Leave a reply