ปัญหานกเขาไม่ขัน-น้องชายไม่แข็ง รักษาหายได้อย่างไร?

จากผลสำรวจอุบัติการณ์ของ อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือโรค ED ในประเทศไทย ปี 2551 พบว่าชายไทย อายุ 40-70 ปี มี อาการหย่อนสมรรถภาพ นกเขาไม่ขัน สูงถึง 42.18% เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งแรกในปี 2543 ซึ่งมีจำนวน 37.5% ในขณะที่ทั่วโลก อาการเสื่อมสมรรถภาพผู้ชาย อายุ 40-80 ปี อยู่ระหว่าง 18-28% หรือประมาณ 152 ล้านคน (ผลสำรวจเมื่อปี 2538) และคาดว่าภายในปี 2568 จะมี ผู้ชายเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ประมาณ 322 ล้านคน เพราะฉะนั้น อาการเสื่อมสมรรถภาพของผู้ชาย หรือ ภาวะนกเขาไม่ขัน จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

หากมีความผิดปกติที่กลไกใด ๆ จะเกิดปัญหาในการแข็งตัว ทำให้เกิดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ เช่น ความผิดปกติของเนื้อเยื่อประสาท และฮอร์โมน , ความผิดปกติของเส้นเลือดแดง และ ความผิดปกติของเส้นเลือดดำ

โรคเสื่อมสมรรถภาพชายหรืออาการ “นกเขาไม่ขัน” คืออะไร ?

อาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือที่เรียกกันว่า “นกเขาไม่ขัน” คือ ภาวะที่อวัยวะเพศไม่แข็งตัวตามปกติ น้องชายแข็งตัวไม่สุด หรือแข็งตัวได้ไม่นานพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ อาการนี้อาจเกิดขึ้นกับผู้ชายในช่วงวัยใดก็ได้ แต่ก็มักจะพบในคนที่มีอายุมากแล้ว โดยสาเหตุหลัก ๆ จะมาจากความผิดปกติของระบบกลไกการแข็งตัว เช่น ความผิดปกติของเนื้อเยื่อประสาทและฮอร์โมน ความผิดปกติของเส้นเลือดแดง หรือความผิดปกติของเส้นเลือดดำ เป็นต้น

กลไกการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย

โดยธรรมชาติแล้วกลไกการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย จะมีทั้งหมด 3 กลไกด้วยกันคือ

1. เมื่อสมองมีสิ่งเร้าต่าง ๆ มากระตุ้น หรือ มีความต้องการทางเพศ จะส่งคำสั่งไปยังแกนสมอง
2. จากนั้นคำสั่งจะผ่านไขสันหลังลงมายังศูนย์กลางการแข็งตัวขององคชาต และผ่านเส้นประสาท
3. เส้นประสาทจะกระตุ้นเส้นเลือดในองคชาตให้มีการขยายตัว เลือดเข้ามาเลี้ยงมากขึ้น ทำให้องคชาตแข็งตัว

สาเหตุหลักของอาการนกเขาไม่ขันมีอะไรบ้าง?

สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพ หรือโรค ED ส่วนใหญ่มาจากทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงปัจจัยเสริมอันเนื่องมาจากความเจ็บป่วยจากโรคบางชนิด และนิสัยบางอย่าง ได้แก่

• ความผิดปกติของอวัยวะเพศ เช่น อัณฑะไม่ลงถุงหรือค้าง, เส้นเลือดดำที่อัณฑะขอด, ภาวะอัณฑะบิดขั้ว หรือ เป็นโรคที่เกี่ยวกับการติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศ และมีภาวะเรื้อรัง
• ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย จากอายุที่เพิ่มขึ้น หรือ วัยทอง
• โรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง, โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ รวมถึงโรคตับ โรคไต อีกด้วย
• ได้รับผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็ง เช่น การฉายรังสี หรือการทำเคมีบำบัด
• สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก เป็นประจำ
• ความเครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ และภาวะซึมเศร้า
• การผ่าตัดบางอย่าง หรือ การใช้ยาบางชนิด

อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ นอกจากจะเป็นปัญหาในชีวิตประจำวันแล้ว ยังสร้างปัญหาให้ชีวิตรัก ทำให้ทะเลาะกัน และอาจจะหนักไปจนถึงขั้นเลิกราหรือหย่าร้าง รีบสังเกต! หากมีสัญญาณภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรืออาการของนกเขาไม่ขัน ดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์

• พละกำลังลดน้อยลง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง
• มวลกล้ามเนื้อลดน้อยลง
• อารมณ์และความต้องการทางเพศลดน้อยลง หรือ ไม่มีอารมณ์ทางเพศเลย
• มีปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ไม่สามารถแข็งตัวได้ตลอดการมีเพศสัมพันธ์ หรือ ไม่แข็งตัวเพียงพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้
• ปัญหาในการหลั่งน้ำอสุจิเร็วเกินไป (อาการหลั่งเร็ว) หรือ หลั่งช้าจนเกินไป
• อสุจิมีปริมาณน้อย ไม่แข็งแรง
• ปัสสาวะไหลไม่แรง ปัสสาวะไหลๆ หยุดๆ

หากคุณกำลังสงสัยว่าคุณมีภาวะนกเขาหรือไม่ สามารถตรวจหลอดเลือดเชิงลึก กับแพทย์เฉพาะทาง เพื่อค้นหาสาเหตุเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และฟื้นฟูดูแลจากภายในแบบองค์รวม

1. กระทบต่อความมั่นใจของตัวเอง และอาจะมีภาวะซึมเศร้า
2. กระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือ คนรัก
3. เป็นสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพ เช่นโรคหัวใจ และหลอดเลือด ฯลฯ

วิธีรักษาโรค ED หรืออาการนกเขาไม่ขันในปัจจุบัน

ในปัจจุบันการรักษาโรค ED หรืออาการนกเขาไม่ขัน มีการแตกแขนงเทคนิคต่าง ๆ ขึ้นมามากมายเพื่อตอบสนองต่อระดับการที่สอดคล้องกัน โดยมีทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การใช้ยา การบำบัดไปจนถึงการผ่าตัด โดยการรักษาโรค ED มีวิธีดังต่อไปนี้

• ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่าง ที่ส่งผลต่อการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เช่น การออกกำลังกาย, การควบคุมอาหารสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว, ลดหรืองดการสูบหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ลงรวมไปถึงสารเสพติดทุกชนิด, การบำบัดความเครียด ความวิตกกังวล สำหรับผู้ที่กำลังรักษาอาการซึมเศร้าขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ถึงผลข้างเคียงจากการใช้ยาต้านซึมเศร้า (Antidepressants)
   
• รักษาโรค ED ด้วยยาทานในกลุ่ม PDE-5 เช่น ยาซิลเดนาฟิล (Sildenafil) ยาทาดาลาฟิล (Tadalafil) และยาวาร์เดนาฟิล (Vardenafil) ทั้งหมดเป็นกลุ่มยาที่ใช้สำหรับบำบัดอาการนกเขาไม่ขันโดยตรง ห้าใช้กับผู้ที่โรคประจำตัวอย่างกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
• รักษาโรค ED ด้วยฮอร์โมนบำบัด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์ลงไป เพื่อช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายให้มีปริมาณที่เหมาะสม
• รักษาอาการทางจิตใจควบคู่กัน โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาการนกเขาไม่ขันมักจะมีสาเหตุมาจากภาวะทางจิตใจร่วม
• ด้วย จึงจำเป็นต้องมีการบำบัดควบคู่กัน ด้วยวิธี Sensate Focus เป็นการบำบัดที่จะต้องเข้าร่วมบำบัดพร้อมกันเป็นคู่กับคนรักของคุณ ซึ่งจะมีการปฏิบัติแบบเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้ผู้ที่มีอาการได้ปรับตัวอย่างเป็นขั้นบันได
• รักษาโรค ED รักษาด้วยอุปกรณ์สุญญากาศ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่รักษาด้วยการทานยาไม่ได้ผล โดยแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นกระบอกกลวงเพื่อสวมครอบลงไปที่อวัยะเพศและทำการปั๊มเอาอากาศออกให้หมด เพื่อกระตุ้นให้เลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงอวัยะเพศให้แข็งตัว
• รักษาด้วยการผ่านตัดใส่แกนเทียม เป็นวิธีการสุดท้ายสำหรับผู้ที่รักษาด้วยวิธีต่างๆ ไม่ได้ผล ซึ่งจะเป็นวิธีที่เจ็บตัวและอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ เหมือนกันการผ่าตัดทั่วไป ทำให้แพทย์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยแนะนำให้รักษาโรค ED วิธีนี้

การรักษานกเขาไม่ขันที่ Trin Wellness เราใช้ BioPeptide Active ผสมผสานการรักษาหลากหลาย ตามแนวทางงานวิจัยสากล เพื่อดูแลสุขภาพน้องชายจากภายในแบบองค์รวม

BioPeptide Active คืออะไร?

BioPeptide Active คือ สารสกัดพลาสม่าเข้มข้น ช่วยฟื้นฟูน้องชายไม่แข็งตัวให้กลับมาใช้งานได้จริง ลดอาการไม่พึงประสงค์ ฟื้นฟูเนื้อเยื่อ กระตุ้นการสร้างแขนงหลอดเลือดใหม่ เพราะพลาสม่าเข้มข้นที่สกัดออกมาได้ มีโปรตีนชนิดที่สนับสนุนการเจริญเติบโตของเซลล์ หรือ Growth Factor อยู่ด้วย เช่น โปรตีนช่วยการสร้างคอลลาเจน โปรตีนสนับสนุนการสร้างหลอดเลือด หรือโปรตีนช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เป็นต้น

สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าโรคเสื่อมสมรรถภาพรักษาที่ไหนดี Trin Wellness ได้รวมรีวิวจากผู้เข้ารับการบำบัดจริง ที่พร้อมการันตีผลลัพธ์การรักษานกเขาไม่ขันได้ตามความคาดหมาย ฟื้นฟูตัวเองได้โดยไม่ต้องผ่านตัดให้เจ็บตัว คลิกชมวิดีโอเพื่อประกอบการตัดสินใจด้านล่างได้เลยครับ

สำหรับท่านใดที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการนกเขาไม่ขัน Trin Wellness ได้รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศมาให้แล้ว ไปดูคำถามและคำตอบกันได้เลย

Q: อายุ 30 เสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ไหม?

A: ผู้ชายที่อายุต่ำกว่า 40 ปี ก็สามารถมีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือนกเขาไม่ขันได้เช่นกัน และมีจำนวนรวมกันกว่า 5-10% ของผู้ป่วยทั้งหมดเลย โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีสาเหตุมาจากร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชายได้ไม่เพียงพอจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อวัยวะเพศผิดปกติ เป็นโรคเรื้อรัง หรือใช้ชีวิตไม่เหมาะสม สามารถรักษาได้ด้วยการให้ฮอร์โมนเพศชาย ร่วมกับการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้

Q: มีวิธีแก้ปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อมด้วยตนเองไหม?

A: วิธีแก้ปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อมด้วยตนเอง สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้น้องชายไม่แข็งตัว หรือน้องชายแข็งตัวไม่สุด ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด การไม่ออกกำลังกาย โรคอ้วน หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หากอาการนกเขาไม่ขันเกิดจากความผิดปกติทางด้านร่างกาย หรือผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรค วิธีดังกล่าวอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมจะดีกว่า

Q: รักษาโรค ED ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง?

A: เราสามารถรักษาโรค ED ได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม การรับประทานยา หรือฉีดยาเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชาย การผ่าตัดใส่แกนองคชาตเทียม (Penile Prosthesis) การใช้เครื่องสุญญากาศ (Penile pump) หรือการใช้ Shockwave กระตุ้นน้องชาย เป็นต้น

มีปัญหานกเขาไม่ขัน น้องชายไม่แข็งตัว น้องชายแข็งตัวไม่สุด อย่าปล่อยทิ้งไว้จนทำให้อาการรุนแรงและยากที่จะรักษา เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ Trin Wellness เพื่อตรวจหาสาเหตุ และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมได้เลย เรามีบริการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพเพศหลากหลายที่จะเปลี่ยนน้องชายของคุณให้แข็งแรงได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็น BioPeptide Active, Shockwave therapy หรือให้ยาฮอร์โมนเพศชาย เพื่อการดูแลสุขภาพเพศชายที่ดีที่สุด