ดริปวิตามิน (IV Drip Therapy)

ในปัจจุบันที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ไม่มีเวลามาทำอาหารรับประทานด้วยตนเอง ต้องซื้ออาหารกินข้างนอกเป็นประจำ จึงอาจทำให้แต่ละคนได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายไม่เพียงพอ การเติมวิตามินให้กับร่างกาย หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ดริปวิตามิน (IV Therapy) จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพร่างกายให้กลับมาแข็งแรงอย่างเห็นผล สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง

ดริปวิตามิน (IV Therapy) คืออะไร?

การดริปวิตามิน (IV Therapy) หรือที่นิยมเรียกกันว่า “วิตามินแบบฉีด” คือ การให้สารวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารต้านอนุมูลอิสระในรูปแบบน้ำเข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านหลอดเลือดดำทางสายน้ำเกลือ ทำให้วิตามินสามารถเข้าสู่ระดับเซลล์ และนำไปใช้งานได้ทันที เนื่องจากร่างกายสามารถดูดซึมได้ 100% โดยไม่ผ่านการทำงานของตับ ด้วยอัตราความเร็วที่เหมาะสม  หากนึกภาพไม่ออกก็จะคล้าย ๆ กับ การให้น้ำเกลือนั่นเอง โดยการดริปวิตามิน นั้นมีข้อดีร่างกายสามารถดูดซึมได้รวดเร็ว เมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ

ทางเลือกใหม่สำหรับการเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายขาดด้วย วิตามินทางหลอดเลือด (IV Therapy)

การให้ วิตามินทางหลอดเลือด (IV Therapy) จะต่างกับการทานวิตามิน เนื่องจากการทาน จะต้องผ่านลำไส้ก่อน จึงจะดูดซึมได้ แต่การดริปวิตามิน นั้นจะเข้าสู่หลอดเลือดดำและร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที

การรับ วิตามินทางหลอดเลือด (IV Therapy) หรือทางการแพทย์เรียกว่า การบำบัดด้วยวิตามินทางหลอดเลือด จะใช้ระยะเวลาให้ประมาณ 15 – 60 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณยาและความเข้มข้นของยาที่ให้ทางหลอดเลือดดำ โดยเฉลี่ย ครั้งละ 250 – 1,000 มิลลิลิตรต่อครั้ง โดยปกติจะสามารถแบ่งการ การดริปวิตามิน เป็น 2 แบบหลัก ดังนี้

[1] IV Push จะถูกฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำบริเวณข้อพับแขน อย่างช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที โดยวิตามินหรือยาที่ให้จะมีปริมาณ 30-60 มิลลิลิตร และถูกฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ซึ่งจะต้องได้รับการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญตลอดเวลา

[2] IV Drip หรือ การดริปวิตามิน จะต่างจาก  IV Push โดยวิตามินหรือยาที่ให้จะผสมกับน้ำเกลือ  (Saline solution) ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำบริเวณข้อพับแขน อย่างช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที

ข้อดีของการรับ วิตามินทางหลอดเลือด (IV Therapy)

ข้อดีของการทำดริปวิตามิน (IV Therapy) คือ ร่างกายจะได้รับการเติมวิตามิน หรือสารอาหารที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อร่างกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเข้าไปช่วยบำรุงและเสริมความแข็งแรงให้กับระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะช่วยในด้านใดบ้างนั้นก็ขึ้นอยู่กับสูตรดริปวิตามินที่เลือกทำ ยกตัวอย่างเช่น

1. ดริปวิตามินชะลอวัย กระตุ้นการทำงานของเซลล์

หากต้องการเน้นในด้านชะลอวัย ต้องการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ สามารถเลือกดริปวิตามินที่มีส่วนผสมของ NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) ได้ เนื่องจากเป็นตัวที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการทำงานของเซลล์ สามารถแปลงอาหารให้เป็นพลังงานและควบคุมการดูแลให้เซลล์แข็งแรงอย่างเห็นผล ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ และทำให้นอนหลับได้เต็มอิ่ม ผ่อนคลายความเครียดลง

2. ดริปวิตามินเร่งการเผาผลาญ เน้นเบิร์นไขมัน(metabolism)

หากต้องการเสริมประสิทธิภาพการออกกำลังกาย กระตุ้นการทำงานของสมอง และเพิ่มความแข็งแรงให้กับหัวใจและหลอดเลือด การดริปวิตามินที่มีส่วนผสมหลักเป็นแอล-คอร์นิทีน (L-carnitine) สามารถช่วยคุณได้ โดยหน้าที่หลักของวิตามินตัวนี้ก็คือการนำไขมันที่สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อเข้าสู่เซลล์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระบวนการเผาผลาญ และเปลี่ยนไปเป็นพลังงานเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน

3. ดริปวิตามินบำรุงผิวให้กระจ่างใส เนียนนุ่ม มีสุขภาพดี

สำหรับคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวแห้งกร้าน ไม่เปล่งปลั่ง การดริปวิตามินที่มีส่วนประกอบหลักเป็นสารอาหารบำรุงผิวอย่าง คอลลาเจน วิตามินซี หรือกลูต้าไธโอน ก็สามารถเข้าไปช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้านให้กลับมานุ่มชุ่มชื้น ผิวกระจ่างใส และเปล่งปลั่งได้

4. ดริปวิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ป่วยง่าย

การดริปวิตามินเพื่อเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน หรือที่นิยมเรียกกันว่า “Immune Booster” เป็นอีกหนึ่งข้อดีของการดริปวิตามินที่คนนิยมทำกัน โดยแต่ละสถานพยาบาลก็จะมีสูตรที่แตกต่างกันไป แต่โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การให้วิตามินซี เมกะโดส (Vitamin C megadose) วิตามินบีรวม (Vitamin B-Complex) แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ที่รวมกันแล้ว สามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ฟื้นฟูการทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ

ฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ โดยวิตามินและสารอาหารที่ได้รับทางหลอดเลือดจะเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระบบอวัยวะต่าง ๆ ได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

7. ลดความเครียด ความอ่อนเพลีย

การรับวิตามินบีรวมและสารอาหารอื่น ๆ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและการเผาผลาญของร่างกาย  สามารถช่วยลดความเครียดและความอ่อนเพลีย ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าขึ้น

8. ช่วยเสริมประสิทธิภาพการรักษาโรคบางประเภทได้

เนื่องจาก การดริปวิตามิน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโรคบางประเภท เช่น นกเขาไม่ขัน เบาหวาน และโรคทางหลอดเลือด ด้วยการให้สารอาหารและวิตามินที่จำเป็นในการฟื้นฟูและเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย

ดริปวิตามิน เหมาะกับใคร?

การดริปวิตามินจะเหมาะสำหรับคนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มคนเหล่านี้

• ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ต้องการทางเลือกในการบำรุงสุขภาพร่างกายที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
• ผู้ที่ต้องการเสริมวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารต่าง ๆ ให้กับร่างกาย ควบคู่ไปกับการกินวิตามิน
• ผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานผัก ผลไม้ จนทำให้ร่างกายขาดวิตามิน
• ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
• ผู้ที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
• ผู้ที่มีปัญหาด้านผิวพรรณ เช่น ผิวหมองคล้ำ ผิวแห้งกร้าน ไม่สดใส 
• ผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้เรื้อรัง เช่น คัดจมูกง่าย ไอจามบ่อย ๆ เป็นหวัดง่าย หรือเป็นผื่นคัน
• ผู้ที่ต้องการเพิ่มระดับพลังงานและลดความเหนื่อยล้า
• ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูการทำงานของสมองและระบบประสาท
• ผู้ที่ต้องการความแข็งแรงและการทำงานของกล้ามเนื้อ
• ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเซลล์ในร่างกายให้มีประสิทธิภาพ
• ผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงานให้สมอง ช่วยในเรื่องของความจำ
• นักกีฬาที่ต้องการเพิ่มความอดทนของร่างกาย

• หญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงให้นมบุตร
• ผู้ที่มีประวัติการแพ้ เช่น แพ้ยา แพ้วิตามิน หรืออื่น ๆ 
• ผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมหรือไตวายเรื้อรัง – เป็นโรคพร่องเอ็นไซม์ GP6D
• ผู้ที่รับประทานยาต้านเกล็ดเลือด
• ผู้ที่อยู่ในช่วงอดอาหารหรือควบคุมน้ำหนัก

ทั้งนี้หากต้องการ ดริปวิตามิน ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสุขภาพร่างกายก่อน ว่าสามารถให้ วิตามินทางหลอดเลือด (IV Therapy) ได้หรือไม่ 

สำหรับคุณผู้ชายท่านใดที่กำลังมองหาบริการดริปวิตามินที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชาย

Chelation Therapy หรือ การทำคีเลชั่น คือ การให้สารน้ำทางหลอดเลือด ผ่านทางน้ำเกลือ เป็นการล้างสารพิษหลอดเลือดผ่านทางหลอดเลือดดำ โดยมีสารประกอบประเภทกรดอะมิโน ซึ่งเรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น มีหน้าที่ดังนี้

• ช่วยกำจัดสารพิษโลหะหนักออกจากร่างกาย
• ลดอัตราเสี่ยงหลอดเลือดแข็งอุดตัน
• ลดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
• ลดอาการของโรคพาร์กินสัน จากสารโลหะหนักสะสมในร่างกาย

พลาคเอ็กซ์ (Plaque X)  เหมาะสำหรับการขจัดคราบไขมันและคราบพลาค (Plaque) ที่สะสมตามผนังหลอดเลือด ซึ่งมีโอกาสก่อให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง 

• เพิ่มไขมันดี HDL ลดคราบพลาค (plaque) ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลและคราบไขมันที่สะสมตามผนังหลอดเลือด
• มีสารโคลีน (Choline) สารในกลุ่มวิตามินบี (B) ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมอง
• ป้องกันสมองเสื่อม ช่วยเสริมความจำและประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
• เร่งการเผาผลาญไขมัน ลดโอกาสเกิดภาวะไขมันพอกตับ
• เพิ่มประสิทธภาพการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจ

L-carnitine เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสังเคราะห์ขึ้นเองได้จากตับและไต มีสารตั้งต้นเป็นกรดอะมิโนจำเป็น 2 ชนิด ได้แก่ แอลไลซีน (L-lysine) และ แอลเมไทโอนีน (L-Methionine) แล้วสะสม ไว้ในกล้ามเนื้อลาย (Smooth muscle) และกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiac muscle) แต่โดยปกติแล้ว จะสังเคราะห็ได้เพียง 25% เท่านั้น ส่วน 75% ได้รับมาจากอาหารที่กินเข้าไป เช่น เนื้อสัตว์ ถั่ว นม อะโวคาโด เป็นต้น

สำหรับหน้าที่หลักของ L-carnitine  คือ การนำไขมันที่สะสมในกล้ามเนื้อเข้าสู่เซลล์ เพื่อเกิดกระบวนการเผาผลาญ เปลี่ยนไปเป็นพลังงานเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสารไนตริกออกไซด์ (NO) ที่ขยายหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี การดริป L- carnitine จึงเหมาะสำหรับคุณผู้ชายอย่างมาก

ประโยชน์ของการดริป L- carnitine

• เร่งการเผาผลาญ เพิ่มการสลายไขมัน
• เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพการออกกำลังกาย
• เพิ่มความแข็งแรงให้หัวใจและหลอดเลือด
• คงประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
• เพิ่มสารไนตริกออกไซด์ (NO) ขยายหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี
• ลดอาการปวดเมื่อกล้ามเนื้อขณะออกกำลังกาย
• ลดอาการปวดเมื่อตามปลายประสาท
• ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ในผู้ป่วยเบาหวาน

ดริปวิตามินสูตร NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีอายุ 40+ ขึ้นไป เพราะ NAD+ จะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการทำงานของเซลล์ ช่วยแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน และควบคุมการดูแลของเซลล์ให้แข็ง จึงสามารถช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ร่างกายได้เป็นอย่างดี 

หรือถ้าสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ การดริป NAD+ เปรียบเสมือนไฟฟ้าที่สามารถชาร์จแบตให้เซลล์ไมโตคอนเดรียของเราได้ ซึ่งในทุกเซลล์จะประกอบไปด้วยไมโตคอนเดรียที่ต้องการ NAD+ สำหรับการสร้างพลังงานนั่นเอง

ประโยชน์ของ NAD+ IV Therapy

• กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ได้ถึงระดับ DNA
• เปิดการทำงานของโปรตีน sirtuins (ยีนควบคุมความชรา)
• ฟื้นฟูระบบประสาทและสมอง
• ป้องกันอัลไซเมอร์
• เสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย และการรักษาหลังโควิด
• ลดอาการอ่อนล้าของร่างกายได้
• ชะลอความเสื่อมได้ลึกถึงระดับเซลล์
• ปลุกเซลล์ในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น
• ต่อต้านริ้วรอย และช่วยเรื่องผิวพรรณได้ดี
• เร่งระบบการเผาผลาญในร่างกาย
• ช่วยในเรื่องสายตา และการมองเห็น

เบรนบูทเตอร์ (Brain Booster) มีส่วนประกอบของนิวโรเปปไทด์ ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง มีหน้าที่เชื่อมโยงสัญญาณประสาทให้ครบวงจร เพื่อเกิดการทำงานตามคำสั่งของสมอง นอกจากนี้ยังมีสารสำคัญที่เรียกว่า “Neurotrophic factors” ซึ่งเป็นสารในกลุ่มชีวโมเลกุล มีหลายชนิดด้วยกัน ได้แก่

• เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ สมอง
• ฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ประสาทและการทำงานของสมอง
• เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และความทรงจำ
• ฟื้นฟูอาการทางสมองในผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก
• ฟื้นฟูภาวะความจำเสื่อม สมองเสื่อม อัลไซเมอร์
• บำบัดสมองและระบบประสาทหลังการผ่าตัด

การล้างพิษตับ (Liver Detoxification)  คือ การให้ วิตามินทางหลอดเลือด (IV Therapy) ที่จำเป็น ได้แก่ วิตามินซี (Vitamin C) วิตามินบี (Vitamin B) กรดอะมิโน (Amino Acid) กลูตาไธโอน (Glutathione) และสารอาหารต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของตับให้ดียิ่งขึ้น 

• ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับและเร่งการขับสารพิษ
• ช่วยเปลี่ยนจากสารพิษที่ละลายในไขมันให้ละลายในน้ำและขับออกทางปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ช่วยสร้างเอนไซม์หลากหลายชนิด ที่ทำหน้าที่ในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
• ปกป้องตับจากสารพิษ ยา สารเคมี และแอลกอฮอล์
• เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) 
• ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ในอนาคต

อัลฟา ไลโปอิก แอซิด (Alpha-lipoic acid) หรือ ALA ตัวบูสท์สารต้านอนุมูลอิสระ (Free Radical) 

• กระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และซ่อมแซมสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ เช่น วิตามินซี วิตามินอี โคคิวเทน 
• ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้อินซูลินทำงานดีขึ้น ลดความเสี่ยงเบาหวาน 
• ต้านการอักเสบ ของร่างกาย
• ช่วยขับโลหะหนัก และส่งเสริมการทำงานของตับกระตุ้นให้ตับขจัดของเสีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
• ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาท
• บรรเทาอาการชาปลายมือ ปลายเท้า เหน็บชา ในผู้ป่วยเบาหวาน
• ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด

การให้ วิตามินทางหลอดเลือด (IV Therapy) สำหรับผู้ชายที่ต้องการดูแลสุขภาพในวัยกลางคน เพื่อชะลออาการของวัยทอง และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย

• ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน
• ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย
• ช่วยปรับปรุง การทำงานของระบบประสาท
• ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

เป็นการดริปวิตามิน ที่จำเป็นต่อสุขภาพคุณผู้ชาย เช่น ซิงค์ (Zinc) มีส่วยช่วยในการปรับสมดุลเพศชาย จึงช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone)

• ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน
• ช่วยนำไขมันเข้าสู่ไมโทคอนเดรีย เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน
• ช่วยเพิ่มระดับพลังงานในกล้ามเนื้อ
• ปรับปรุงการทำงานของระบบประสาท 
• ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้า

จองดริปวิตามินชะลอวัย กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ที่ Trin Wellness ได้แล้ววันนี้

สำหรับคุณผู้ชายท่านใดที่สนใจดริปวิตามินชะลอวัย กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง พร้อมเสริมประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย สามารถจองคิวเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ Trin Wellness ได้เลย คุณหมอของเราพร้อมให้คำแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อการเลือกสูตรดริปวิตามินที่เหมาะสมสำหรับคุณ

นอกจากนี้เรายังมีบริการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพเพศหลากหลายที่จะช่วยดูแลน้องชายของคุณให้แข็งแรงขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็น ตรวจฮอร์โมนเพศชาย, ฉีด PRP ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศชายด้วย BioPeptide Active, Shockwave therapy ฟื้นฟูน้องชาย หรือให้ยาฮอร์โมนเพศชาย ดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การป้องกันและเวชศาสตร์ชะลอวัย เพื่อการดูแลสุขภาพเพศชายที่ปลอดภัยและเห็นผลด้วย