จากบทความ รู้ทันโรคข้อเข่าเสื่อม พร้อมแนวทางป้องกันโดยแพทยผู้เชี่ยวชาญ  หลาย ๆ ท่านที่กำลังประสบกับปัญหาดังกล่าวอยู่ และกำลังหาทางรักษาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เพื่อให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ วันนี้เรามาทำความรู้จักวิธีรักษาข้อเข่าเสื่อม ไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการรักษาฟื้นฟูแบบเวชศาสตร์ชะลอวัย นั่นคือ PRP รักษาข้อเข่าเสื่อม หรือ เกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet Rich Plasma) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สกัดเอาพลาสมาเข้มข้นนี้จากเลือดของตัวผู้ป่วยเอง และฉีดกลับเข้าบริเวณข้อเข่าที่มีอาการเจ็บปวด เป็นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดของข้อเข่า ที่มีสาเหตุมาจาก โรคข้อเข่าเสื่อม ข้อเข่าอักเสบ การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา รวมถึงเอ็นข้อเข่าฉีกขาด 

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

“ข้อเข่าเสื่อม” โรคข้อเข่าที่ผู้สูงอายุต้องระวัง

โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่พบมากในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ เมื่อเป็นแล้วจะต้องดูแลรักษาอย่างดี ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็อาจทำให้อาการรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวด ข้อเข่าผิดรูป และส่งผลกระทบต่อการเดิน ทำให้ทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ได้ไม่สะดวก ซึ่งสร้างความทุกข์ทรมานให้กับร่างกายและจิตใจอย่างมาก

จะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองเป็นข้อเข่าเสื่อม

ถ้าหากคุณมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

  • ปวดเข่าเวลาที่มีการเคลื่อนไหว เดินขึ้นลงบันได หรือเวลานั่งพับเข่า โดยอาการปวดจะดีขึ้นเมื่อหยุดพักการใช้งานข้อเข่า
  • เมื่อหยุดเคลื่อนไหวไปนาน ๆ เวลากลับมาขยับข้อเข่าจะรู้สึกถึงการเสียดสีของกระดูก หรือมีเสียงดังในข้อ
  • กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอ่อนแรง เมื่อยง่าย
  • ปวดเสียวภายในข้อเข่า
  • ปวดเข่าอย่างรุนแรงจนไม่สามารถเหยียด หรืองอข้อเข่าได้สุด

โดยแพทย์จะตรวจวินิจฉัยข้อเข่าเสื่อมด้วยการตรวจร่างกาย ซักประวัติสุขภาพ และถ่ายภาพรังสีเพื่อดูโครงสร้างข้อเข่า

การฉีด PRP คืออะไร

การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ PRP (platelet-rich plasma) คือ การนำเลือดของผู้เข้ารับการรักษามาปั่นแยกชั้นของพลาสมา (Plasma) ที่มีลักษณะเป็นสีเหลืองใสออกมา

ในพลาสมาจะประกอบไปด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงที่อุดมไปด้วยสารต่าง ๆ ที่จะช่วยในการแข็งตัวของเลือด วิตามิน ฮอร์โมน เกลือแร่ รวมถึงสารสำคัญอย่างโกรทเฟคเตอร์ (Growth Factor) ที่เป็นสารกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ ทำให้เซลล์แบ่งตัวได้มากขึ้น และซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น 

การฉีด PRP จึงถูกนำมาใช้ฉีดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่บาดเจ็บ เพื่อเร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีข้อดีตรงที่เสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ได้น้อยมาก ๆ เนื่องจากเป็นเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง อีกทั้งยังมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นด้วย

PRP รักษาข้อเข่าเสื่อม  ที่ฉีดเข้าไปจะปลดปล่อยโกรทแฟคเตอร์ (Growth factor) และโมเลกุลอื่น ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟู โดยโกรทแฟคเตอร์ (Growth factor) ที่ปล่อยออกมา เช่น ปัจจัยการเจริญเติบโตที่ได้มาจากเกล็ดเลือด (platelet-derived growth factor; PDGF) กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว คอลลาเจน และหลอดเลือด, ปัจจัยการเจริญเติบโตของเยื่อบุหลอดเลือด (vascular endothelial growth factor; VEGF) กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดไปเลี้ยงผิว   และทรานฟอร์มมิ่ง โกรทแฟคเตอร์ (Transforming growth factor; TGF) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ใหม่ นอกจากนี้ยังมีสารไฟบริน ที่ช่วยในการเคลื่อนย้ายสเต็มเซลล์ไปยังเนื้อเยื่อที่เสียหาย เพื่อรักษาและฟื้นฟูบริเวณนั้น

PRP รักษาข้อเข่าเสื่อม ได้อย่างไร?

การใช้  PRP รักษาข้อเข่าเสื่อม ทำได้โดยการฉีด PRP เข้าสู่ข้อเข่าข้างที่มีปัญหา จากนั้น โกรทแฟคเตอร์ (Growth factor) จะช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกกร่อน ทำให้ลดอาการปวดและการอักเสบได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวของข้อเข่าอีกด้วย

PRP รักษาข้อเข่าเสื่อม มีประโยชน์อย่างไร?

  • PRP ใช้เลือดของผู้ป่วยเอง ทำให้ลดความเสี่ยงของการเกิดภูมิแพ้หรือการติดเชื้อ
  • มีโกรทแฟคเตอร์ (Growth factor) ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ทำให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • PRP รักษาข้อเข่าเสื่อม  ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ยาต้านการอักเสบหรือยาแก้ปวด

ฉีด PRP ข้อเข่าเสื่อม เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมในระยะแรก
  • ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
  • ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรักษากระดูกหัก เนื่องจากการฉีด PRP สามารถช่วยให้กระดูกติดเร็วขึ้นได้

ขั้นตอนการใช้ PRP รักษาข้อเข่าเสื่อม

  1. เจ้าหน้าที่ทำการวัดความดันโลหิต วัดส่วนสูง และชั่งน้ำหนัก
  2. จากนั้นแพทย์จะเข้ามาทำการซักประวัติสุขภาพต่าง ๆ ถ้าพิจารณาแล้วว่าสามารถรักษาด้วยการฉีด PRP ได้ ก็จะทำการเก็บเลือดจากข้อพับประมาณ 8-10 cc
  3. เมื่อได้เลือดแล้ว จะนำไปปั่นเพื่อสกัดผ่านเครื่องเหวี่ยงสาร จนได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้น และมีโกรทแฟคเตอร์สูง
  4. แพทย์จะฉีดเกล็ดเลือด PRP ที่บริเวณข้อเข่าที่มีปัญหา

การเตรียมตัวก่อนฉีด PRP ข้อเข่าเสื่อม

ก่อนเข้ารับการฉีด PRP ข้อเข่าเสื่อม ควรเตรียมตัวดังนี้

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ ประมาณ 2 ลิตร
  • สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ ไม่ต้องงดอาหาร
  • งดรับประทานยาต้านการอักเสบและการแข็งตัวของเลือด 2-3 วันก่อนทำหัตถการ
  • งดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และอาหารที่มีไขมันสูง 2-3 วันก่อนทำหัตถการ

ข้อควรระวังและข้อจำกัดของ PRP รักษาข้อเข่าเสื่อม

  • การใช้ PRP อาจมีอาการปวด บวม หรือแดงบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่วัน
  • ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย PRP อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและความรุนแรงของอาการบาดเจ็บ โดยแพทย์จะประเมินอาการก่อนการรักษา
  • หากมีโรคประจำตัวหรือทานอาหารเสริมบางประเภท ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับการรักษา
  • การทำ PRP อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ติดเชื้อ HIV และเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีด PRP ข้อเข่าเสื่อม

อาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณที่ฉีด หรือมีรอยฟกช้ำเล็กน้อย สามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน

ฉีด PRP ข้อเข่าเสื่อม กี่ครั้งถึงจะเห็นผล

ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของข้อเข่าเสื่อม และการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 3 เข็ม โดยแพทย์จะให้ฉีดห่างกันเข็มละ 1 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นผลการรักษาภายใน 4-6 สัปดาห์ และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี ทั้งนี้ถ้าต้องการคงผลการรักษาไว้ ก็สามารถฉีดซ้ำได้

งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า PRP รักษาข้อเข่าเสื่อม  เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถรักษาข้อเข่าเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ผู้ป่วย 153 คน ที่มีปัญหาโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งเข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลา 2 ปี หลังการรักษา ได้ติดตามผลเป็นเวลา  6 เดือน พบว่า PRP ช่วยลดความเจ็บปวด ช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันง่ายและสะดวกขึ้น (Lorenzo Moretti, et al, 2022)
  • ผู้ป่วย 118 คน ที่มีปัญหาโรคข้อเข่าเสื่อม ในระดับต่ำถึงระดับปานกลาง ซึ่งตรวจผ่านการเอ็กซเรย์และการทำ MRI พบว่า PRP ช่วยให้อาการของโรคข้อเข่าเสื่อมดีขึ้น (Mattia Alessio-Mazzola, et al, 2021)

คำถามเกี่ยวกับ PRP รักษาข้อเข่าเสื่อม

  • ผู้ป่วยต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการรักษาด้วย PRP?
  • ตอบ หลีกเลี่ยงการใช้ยา NSAIDs (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือแอสไพริน (Aspirin) อย่างน้อย 7-10 วันก่อนการรักษา เนื่องจากยากลุ่มนี้อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของเกล็ดเลือด แต่ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษาเสมอ
  • PRP สามารถใช้รักษาปัญหาข้ออื่น ๆ นอกเหนือจากข้อเข่าได้หรือไม่?
  • ตอบ สามารถใช้รักษาส่วนอื่นๆ ได้ เช่น ปัญหาผมร่วงผมบาง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
  • การรักษาด้วย PRP มีผลกระทบต่อโรคประจำตัวหรือยาอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยใช้อยู่หรือไม่?
  • ตอบ ไม่มีผลต่อโรคประจำตัว หรือยาที่รับประทานอยู่
  • ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย PRP สามารถสังเกตเห็นได้ภายในระยะเวลาเท่าใด?
  • ตอบ 3-6 เดือน สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
  • หลังการฉีด PRP รักษาข้อเข่าเสื่อม ควรดูแลตัวเองอย่างไรบ้างเพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ?
  • ตอบ หลังการฉีด PRP (Platelet-Rich Plasma) เพื่อรักษาข้อเข่าเสื่อม ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้กระบวนการฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือแนวทางการดูแลตัวเองที่ควรปฏิบัติ

รักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น PRP ที่ Trin Wellness

สำหรับใครที่มีอาการปวดข้อเข่าเสื่อม สามารถเข้ามาตรวจอาการข้อเข่าเสื่อม และฉีด PRP เพื่อบรรเทาอาการปวดที่ Trin Wellness ได้ คุณหมอของเราพร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมหลังการรักษา เพื่อการฟื้นฟูข้อเข่าเสื่อมที่เห็นผลและมีประสิทธิภาพที่สุด

Online Appointment Form

We will contact you within one business day.