รวมเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับการดีท็อกซ์ ดีจริงไหม จำเป็นต้องทำหรือไม่
ปัจจุบันคนไทยเริ่มหันมาสนใจการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น ทำให้เรื่องของการ “ดีท็อกซ์” ขับของเสียออกจากร่างกายเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงกันบ่อย เนื่องจากร่างกายของมนุษย์ หากมีการสะสมของเสียปริมาณมาก ส่งผลให้ระบบภายในร่างกายทำงานผิดปกติ สังเกตได้จากคนที่มีอาการท้องผูกบ่อย ๆ ใบหน้าหมองคล้ำ มีสิวขึ้น และป่วยง่าย กลุ่มคนเหล่านี้มักขับถ่ายไม่ค่อยดี
ดังนั้นการขับของเสียออกจากร่างกายจึงสำคัญมาก แต่หลายคนก็ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดีท็อกล้างสารพิษ อยู่ ในบทความนี้ TRIN WELLNESS จึงได้รวบรวมสาระน่ารู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาบอกต่อกัน สามารถอ่านได้ ที่นี่ เลย
การดีท็อกซ์ คืออะไร?
ดีท็อกซ์ หรือ Detox หมายถึง การขับของเสีย สารพิษ และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกจากร่างกาย ซึ่งการล้างของเสียออกจากภายในร่างกายนั้น มีผลดีต่อสุขภาพมาก เพราะหากร่างกายไม่มีของเสียใด ๆ ตกค้างอยู่ จะส่งผลให้
1.ขับถ่ายสะดวก ไม่มีอาการท้องผูก
2.ลดโอกาสเกิดโรคที่เกี่ยวกับลำไส้
3.ควบคุมน้ำหนักได้ดี น้ำหนักตามมาตรฐาน
4.ลดโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ได้ เพราะไม่มีสารพิษตกค้าง
5.เสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง และอื่น ๆ
จำเป็นต้องทำดีท็อกซ์ไหม?
การดีท็อกซ์ของเสียตามธรรมชาติของร่างกายจะมีกลไกการขับของเสียอยู่แล้ว เมื่อทานอาหารที่มีสารพิษเข้าไป ก็จะถูกทำลายที่ตับ แล้วสารพิษจะถูกขับออกที่ไต ซึ่งกระบวนการขับของเสียดังกล่าว จะมีประสิทธิภาพมาก หากเป็นบุคคลที่แข็งแรงและวัยหนุ่มสาว แต่ถ้าอายุมากขึ้น มีโรคประจำตัว การทำงานของระบบภายในร่างกายก็เสื่อมถอยลง
จำเป็นต้องใช้การดีท็อกซ์เข้าช่วยลดการสะสมสารพิษในร่างกาย เพราะตับและไต ทำงานได้ไม่เต็มที่เท่าตอนที่มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ดังนั้นการล้างของเสียออกจากร่างกายจะจำเป็นหรือไม่นั้น ให้ดูที่ปัญหาสุขภาพและอายุของตนเองเป็นหลัก เช่น หากมีอาการท้องผูก ท้องอืด ฯลฯ ก็อาจจะต้องได้รับการดีท็อกซ์ เพื่อช่วยเสริมการกำจัดของเสียในร่างกายให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
การดีท็อกซ์มีกี่วิธี
ทุกวันนี้ต้องยอมรับเลยว่าการดีท็อกซ์ของเสียและสารพิษออกจากร่างกายนั้น มีหลากหลายวิธีมาก ๆ ทั้งทำเองที่บ้านได้ หรือให้สถานพยาบาลทำให้ สำหรับวิธีการดีท็อกซ์ที่บ้านด้วยตนเอง มีดังนี้
1. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นกากใยอาหารสูง
2. ดื่มน้ำมะนาวทุกเช้า ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
3. ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนพักให้เพียง เป็นต้น
แต่ถ้าเข้าไปสถานพยาบาลเพื่อทำการดีท็อกซ์ แพทย์และพยาบาลก็จะใช้การสอดอุปกรณ์สวนทางทวารหนัก เพื่อทำการขับของเสียออกจากลำไส้นั้นเอง สำหรับใครที่สนใจการดีท็อกซ์อยู่ก็สามารถเลือกวิธีที่ตอบโจทย์ตนเองได้เลย
5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการดีท็อกซ์
ด้วยความที่การดีท็อกซ์ มีหลากหลายรูปแบบ สื่อโฆษณาขายสินค้าออนไลน์ก็เยอะ ทำให้มีความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับการล้างของเสียออกจากร่างกายแพร่กระจายเยอะมาก หลายคนทำตามแล้ว นอกจากไม่เกิดประโยชน์ ยังเกิดโทษอีกด้วย แล้วความเชื่อที่ผิดของการดีท็อกซ์ มีอะไรบ้าง? มาดูกันเลย
1. การดีท็อกซ์สามารถลดไขมันได้
เชื่อว่าหลายคนที่ได้ลองดีท็อกซ์ มักจะรู้สึกว่าตนเองตัวเบาขึ้น รู้สึกว่าน้ำหนักลดลง ทำให้คิดไปว่าไขมันส่วนเกินบนร่างกายก็ถูกขับออกเช่นกัน แต่ว่าในความเป็นจริงการขับของเสียออกจากร่างกายนี้ คือ การขับออกทางลำไส้ ซึ่งจะมีกากอาหารที่ผ่านการดูดซึมสารอาหารและน้ำออกมาเท่านั้น ไขมันที่สะสมตามร่างกายก็จะสะสมอยู่แบบเดิม สำหรับคนที่อยากดีท็อกซ์ และไขมันลดลงด้วย แนะนำให้ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยจะได้ผลลัพธ์ในการลดไขมันที่ดีกว่า
2. การดีท็อกซ์ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
การดีท็อกซ์ ที่ทำอย่างถูกต้องถูกวิธีสามารถช่วยลดการสะสมสารพิษในร่างกายได้ แต่ที่หลายคนมักจะเข้าใจกันผิด คือ การซื้ออาหารเสริม เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่โฆษณาว่าสามารถล้างสารพิษในร่างกายได้นั้น เป็นความเชื่อที่ผิด จริง ๆ แล้วไม่สามารถขับสารพิษออกจากร่างกายได้ เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่ขับของสารพิษออกจากร่างกายได้ คือ ตับและไต ส่วนวิธีดีท็อกซ์อื่น ๆ จะเป็นการช่วยชำระล้างลำไส้ให้สะอาด ลดการสะสมสารพิษ ทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นนั้นเอง
3. เชื่อว่าน้ำหมักจากผัก-ผลไม้ จะขับของเสียออกจากร่างกาย
การดีท็อกซ์ร่างกายด้วยน้ำหมักผลไม้ ไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ แต่จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ อีกต่างหาก ถ้าต้องการทานผัก ผลไม้ ให้ลำไส้แข็งแรง ระบบขับถ่ายดี แนะนำให้ทานผัก ผลไม้สด ที่ล้างสะอาด ไม่ให้มีสารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมตกค้างก็จะช่วยดีท็อกซ์สารพิษได้ระดับหนึ่ง
4. การกินยาระบาย = การดีท็อกซ์ลำไส้
เชื่อว่าหลายคนมีความคิดว่าการดีท็อกซ์ คือ การถ่ายอุจจาระ จึงทานยาระบาย เพื่อให้อุจจาระบ่อย ๆ ร่างกายจะได้ขับของเสียออกมาเยอะขึ้น ซึ่งในความเป็นจริง การทานยาระบาย ช่วยให้กากอาหารที่อยู่ในลำไส้อ่อนตัวและขับออกมาเท่านั้น ไม่สามารถชะล้างสารพิษตามผนังลำไส้ออกไปได้ และการทานยาระบายมาก ๆ ก็มีโอกาสที่ร่างกายขาดน้ำและช็อกได้ จึงควรระวังในการใช้ยาระบายให้มากยิ่งขึ้น
5. การสวนล้างหรือดีท็อกซ์ลำไส้ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
ด้วยความที่หลายคนเห็นว่าสถานพยาบาลมีการสวนล้างเพื่อดีท็อกซ์ลำไส้ หลากคนจึงอยากทำเอง เพราะคิดว่าทำง่าย ๆ ซึ่งการกระทำนี้ ไม่ควรทำ เพราะอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด สวนไม่ถูกวิธี มีโอกาสติดเชื้อและเป็นแผลที่ลำไส้ใหญ่ได้ ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ซึ่งจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นถ้าต้องการสวนล้างจริง ๆ แนะนำให้ทำโดยผู้เชี่ยวชาญอย่าง TRIN WELLNESS จะได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยมากกว่า ด้วยมาตรฐานระดับสถานพยาบาล
สรุปบทความ
การดีท็อกซ์ เป็นการขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งมีหลากหลายวิธีมาก ๆ เช่น การทานอาหารที่มีกากใยสูง การออกกำลังกาย การทานน้ำมะนาวตอนตื่นนอน ฯลฯ ซึ่งคนไทยจำนวนมากเห็นความสำคัญของการดีท็อกซ์ และในหลาย ๆ คนก็อาจมีความเชื่อผิด ๆ ของการดีท็อกซ์ เช่น เข้าใจว่าการดีท็อกซ์ลดไขมัน การล้างสารพิษ สามารถสวนทวารล้างเองได้ เป็นต้น สำหรับคนที่อยากดูแลสุขภาพตนเอง ปรับสมดุลร่างกาย ระบบขับถ่าย แนะนำศึกษาข้อมูลให้เยอะก่อนลงมือทำจะดีกับสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาวมากยิ่งกว่า หรือสามารถขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพด้วยวิธีที่ดีและถูกต้องกับทาง TRIN WELLNESS ของเราได้ โทร (097) 265-5994 (สาขาพระราม 9) และ (090) 965 9989 (สาขาที่ภูเก็ต)
Leave a reply
Leave a reply