น้องชายมีกลิ่นเกิดจากอะไร พร้อมแนวทางป้องกันที่ตรงจุด
เชื่อได้ว่ามีหนุ่มหลาย ๆ คนกำลังเผชิญกับปัญหาน้องชายมีกลิ่น แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ ทำให้ไม่ได้มีการแก้ไขที่ตรงจุด ปล่อยละเลยจนมีกลิ่นที่รุนแรงบวกกับเกิดเชื้อแบคทีเรียขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิต รวมไปถึงอาจทำให้มีปัญหาเรื่องบนเตียงได้ หรือก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปลายอวัยวะเพศชายอักเสบ เป็นต้น ในบทความนี้จะพาทุกท่านมาไขข้อสงสัยถึงสาเหตุที่ทำให้อวัยวะเพศชายมี กลิ่น แล้วจะมีแนวทางป้องกันอย่างไรบ้าง
สาเหตุสำคัญที่ทำให้น้องชายมีกลิ่น
ปัญหาสุขภาพผู้ชายอย่างอวัยวะเพศชายมีกลิ่น อาจเป็นอาการที่หลายคนคิดว่าเป็นปกติในคุณผู้ชายที่อาจพบได้บ้างเนื่องจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ จะส่งผลให้มีเหงื่อตามมาจึงส่งกลิ่นขึ้น โดยในกรณีนี้เมื่อได้ชำระล้างทำความสะอาดแล้วกลิ่นจะหายไป แต่ในบางรายแม้ทำความสะอาดแล้วแต่น้องชายก็ยังคงมีกลิ่นอยู่ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุดังนี้
1. เหงื่อออกเยอะ
เหงื่อออกเยอะจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ จนทำให้น้องชายมีกลิ่น เช่น ทำกิจกรรมกลางแจ้งนาน ๆ ออกกำลังกายหนัก หรือแม้แต่ใช้ชีวิตเร่งรีบในชั่วโมงเร่งด่วน อีกทั้งประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อน ทำให้เหงื่อออกง่ายขึ้น หรือเหงื่อไหลไปยังบริเวณน้องชาย ส่งผลให้น้องชายมีกลิ่นตามมาในที่สุด
2. น้องชายขนดกเกินไป
การที่น้องชายมีขนหนาและมากเกินไป ไม่เคยเล็มทิ้งมาก่อนเลย จะส่งผลให้น้องชายมีกลิ่นได้ง่าย โดยผิวหนังใต้ขนรอบน้องชายจะมีความอับชื้นสูง เนื่องจากเกิดสารคัดหลั่งไม่ว่าจะเป็นเหงื่อ ปัสสาวะ เช็ดทำความสะอาดไม่แห้ง หรือออกกำลังกายมาแล้วไม่อาบน้ำทันที จะเกิดการสะสมเชื้อแบคทีเรียอยู่ตามขนของอวัยวะเพศ ทำให้เกิดเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นการเล็มขนน้องชายบ่อย ๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ลดการเกิดกลิ่นของน้องชายได้
3. ทำความสะอาดไม่เกลี้ยง
การรักษาความสะอาดอวัยวะเพศเป็นสิ่งสำคัญ จะดีต่อสุขภาพของตนเอง แล้วยังส่งผลดีต่อคู่รักด้วย เนื่องจากการละเลยความสะอาดจะทำให้อวัยวะเพศชายมีกลิ่นได้ รวมทั้งยังอาจเกิดการสะสมของสารเหนียวข้น ที่จะช่วยคงความชุ่มชื้นให้อวัยวะเพศ แต่ในบางครั้งจะเกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียได้ ทำให้เกิดการระคายเคือง และมีอาการอักเสบบวมแดงได้ หากไม่อยากให้เกิดปัญหาดังกล่าวจะต้องรักษาความสะอาดน้องชายให้เกลี้ยงทุกครั้งที่อาบน้ำ
4. กางเกงในไม่สะอาด
อีกหนึ่งปัญหาหลักที่ทำให้อวัยวะเพศชายมีกลิ่น คือ กางเกงในไม่สะอาด รัดแน่น อับชื้น หรือมีปัญหาผ้าแห้งไม่ทันใช้แล้วหยิบมาใส่ จะทำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ตามมา และอาจมีผื่นขึ้น จนส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ในระยะยาวได้ ทั้งนี้หากคุณผู้ชายมีพฤติกรรมเช่นนี้อยู่ ให้รีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ก่อนอาการจะรุนแรงขึ้น
5. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้อวัยวะเพศชายมีกลิ่นเหม็น รวมไปถึงการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน (ไม่สวมถุงยางอนามัย) หรือ ป้องกันผิดวิธี ทางที่ดีควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยทันที หากเกิดอาการแสบขณะปัสสาวะร่วมด้วย ไม่ควรปล่อยละเลย ไม่เช่นนั้นอาการจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ซึ่งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย มีดังต่อไปนี้
- หนองในแท้ จะส่งผลให้ปลายอวัยวะเพศมีสีเหลือง เขียว หรือขาว มีของเหลวข้นไหลออกมาจากองคชาต ขณะปัสสาวะจะรู้สึกเจ็บหรือลำบาก มีการอักเสบที่บริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ โดยบริเวณรอบ ๆ รูองคชาตจะเป็นสีแดง
- หนองในเทียม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการรับเชื้อแบคทีเรีย มีอาการคล้ายกับหนองในแท้ แต่มีระดับความรุนแรงน้อยกว่า จะทำให้มีคราบหรือน้ำสีขาวขุ่นไหลออกมาขณะปัสสาวะ และมีอาการเจ็บหรือปวดขณะปัสสาวะ รวมไปถึงเจ็บปวดที่อัณฑะ
ซึ่งนอกจากก่อโรคในเพศชายแล้ว ยังสามารถติดต่อไปยังคู่รักที่มีเพศสัมพันธ์ร่วมกันได้อีกด้วย6. หนังหุ้มปลายอักเสบ
หนังหุ้มปลายอักเสบบริเวณอวัยวะเพศชาย เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้องชายมีกลิ่น เกิดจากการทำความสะอาดอวัยวะเพศไม่ถูกสุขลักษณะ จนเกิดความสกปรกหมักหมมของคราบเหงื่อไคล ทำให้เกิดขี้เปียกตามมาด้วย อีกทั้งยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย จนทำให้อวัยวะเพศชายติดเชื้อ ไม่เพียงเท่านี้ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังอื่น ๆ ตามมาได้ และอาจพบอวัยวะเพศบวมแดง และเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังบริเวณรอบ ๆ น้องชายได้
เมื่อรู้ว่าน้องชายมีกลิ่นควรทำยังไงดี
อันดับแรกเมื่อรู้ว่าน้องชายมีกลิ่นควรหาสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่น เพื่อแก้ปัญหากลิ่นได้อย่างถูกจุด รวมทั้งควรดูแลน้องชายให้ถูกสุขอนามัยยิ่งขึ้น ตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้
- เล็มขนน้องชายให้สั้น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำได้ง่าย จะช่วยลดกลิ่นอับอวัยวะเพศ และไม่ทำให้น้องชายมีกลิ่น แนะนำให้ใช้กรรไกรตัดขนโดยเฉพาะ ให้ใช้แยกกับตัดสิ่งของอื่น ๆ
- ทำความสะอาดน้องชายด้วยวิธีที่ถูกต้อง แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรอ่อนโยน หรือใช้ผลิตภัณฑ์ชำระล้างอวัยวะเพศโดยเฉพาะ เนื่องจากมีส่วนผสมในการช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย โดยให้เริ่มชำระล้างในส่วนโคนจากนั้นทำการรูดหนังหุ้มปลายลงมา ต้องค่อย ๆ ถูหัวองคชาตและหนังหุ้มปลายอย่างอ่อนโยน เพื่อทำความสะอาดให้หมดจด จากนั้นให้ราดน้ำออกเบา ๆ จนสะอาด แล้วเอาผ้าซับให้แห้งไม่ให้เกิดความอับชื้น ทั้งนี้ควรทำความสะอาดวันละไม่เกิน 2 ครั้ง เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ใช้ยาในการรักษา ในคุณผู้ชายที่กำลังเผชิญกับปัญหาภาวะหนังหุ้มปลายตีบ การรักษาความสะอาดจึงทำได้ยาก สามารถรักษาด้วยการใช้ยาทางการแพทย์ โดยจะเป็นการใช้ยาทาเฉพาะ เพื่อให้ผิวหนังบริเวณน้องชายสามารถรูดขึ้น-ลงได้ตามปกติ หรือมีการรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
- สวมใส่กางเกงที่โปร่งสบาย จะช่วยให้ไม่อึดอัดและสามารถลดการอับชื้นได้เป็นอย่างดี
สรุปบทความ
อวัยวะเพศชายมีกลิ่น จะส่งผลต่อสุขภาพและเกิดปัญหาเรื่องบนเตียงกับคู่รักได้ โดยปัญหาน้องชายมีกลิ่นนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นเหงื่อออกเยอะ ขนน้องชายดกเกินไป ทำความสะอาดไม่เกลี้ยง กางเกงในไม่สะอาด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และหนังหุ้มปลายอักเสบ เป็นต้น ทำให้ต้องมีการป้องกันด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น เล็มขนน้องชายให้สั้น ทำความสะอาดน้องชายให้ถูกวิธี ใช้ยาในการรักษา และสวมใส่กางเกงที่โปร่งสบาย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมา
Leave a reply
Leave a reply