รู้จักกับโรคไขมันพอกตับ ภัยเงียบที่นักดื่มต้องรู้

นักดื่ม และคนที่ชื่นชอบการรับประทานของมันของทอดเป็นประจำ ต้องห้ามพลาดบทความนี้! เพราะ Trin Wellness จะพาคุณมาทำความรู้จักกับโรคไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายเป็นอย่างมาก และเป็นโรคที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักสักเท่าไหร่ แล้วโรคไขมันพอกตับคืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร แล้วมีแนวทางป้องกันโรคนี้ได้อย่างไรบ้าง ต้องติดตามให้จบ

โรคไขมันพอกตับคืออะไร

โรคไขมันพอกตับ คือภาวะที่มีการสะสมของไขมันในตับมากเกินปกติ คือประมาณ 5-10% ของตับ ซึ่งไขมันส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) หรืออธิบายง่าย ๆ คือ มีการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป จนทำให้ปริมาณน้ำตาลส่วนเกินในร่างกายมีมากเกินความต้องการจนตับนำไปสร้างเป็นไขมัน

โรคไขมันพอกตับเกิดจากอะไร

สาเหตุของการเกิดโรคไขมันพอกตับ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 สาเหตุ ดังนี้

  • โรคไขมันพอกตับจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (Alcoholic Fatty Liver Disease) โดยความรุนแรงของโรคจะขึ้นอยู่กับประเภท ปริมาณ และระยะเวลาที่ดื่มแอลกอฮอล์
  • โรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease) เกิดจากโรคที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานของร่างกาย เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไวรัสตับอักเสบซี เป็นต้น

กลไกการเกิดโรคไขมันพอกตับ

“ตับ” เป็นอวัยวะที่มีหน้าที่เก็บสะสมพลังงาน และเปลี่ยนโครงสร้างอาหารให้กลายเป็นสารที่ร่างกายต้องการ แต่หากมีการรับประทานอาหารมากเกินไป จนตับไม่ได้นำไขมันไปใช้หรือไม่ย่อยสลายไขมันได้ตามที่ควรจะเป็น ก็จะเกิดไขมันสะสมขึ้นที่ตับ จนกลายเป็นโรคไขมันพอกตับได้

อาการและระยะของโรคไขมันพอกตับ

โดยส่วนใหญ่แล้ว โรคไขมันพอกตับมักจะไม่แสดงอาการที่ชัดเจนออกมา แต่มักจะตรวจพบจากการตรวจร่างกายประจำปี หรือตรวจไขมันในเลือด แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการไม่เฉพาะเจาะจง เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ รู้สึกเจ็บตึงบริเวณใต้ชายโครงขวา เป็นต้น โดยระยะของโรคไขมันพอตับจะแบ่งระยะการดำเนินโรคได้ 4 ระยะ ดังนี้

  • ระยะแรก มีไขมันสะสมอยู่ในเนื้อตับ แต่ยังไม่มีการอักเสบหรือพังผืดเกิดขึ้น
  • ระยะที่ 2 เริ่มมีอาการอักเสบของตับ และหากปล่อยให้มีการอักเสบไปเรื่อย ๆ โดยไม่รักษาเกินกว่า 6 เดือน อาจกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรังได้
  • ระยะที่ 3 เกิดการอักเสบรุนแรงต่อเนื่อง และเกิดพังผืดสะสมขึ้นในตับ
  • ระยะที่ 4 เซลล์ตับถูกทำลายไปมากจนตับไม่สามารถทำงานได้ปกติ ทำให้เกิดโรคตับแข็ง และมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับได้อีกด้วย

แนวทางการป้องกันโรคไขมันพอกตับ

  1. ทานผลไม้ ถั่ว และธัญพืชที่มีเมล็ด รวมถึงผักบางชนิด เช่น บรอกโคลี กะหล่ำ กระเทียม หัวหอม เป็นต้น เพื่อช่วยเร่งกระบวนการกำจัดสารพิษออกจากตับ และล้างไขมันในเส้นเลือด

สรุปเรื่องโรคไขมันพอกตับ

โรคไขมันพอกตับ ถือเป็นภัยเงียบที่ไม่มีอาการใด ๆ บ่งชี้ถึงการเกิดโรค ดังนั้น ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือชอบรับประทานของมันของทอดเป็นประจำ ก็ควรจะเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุก ๆ ปี เพื่อให้ทราบถึงระดับไขมันในเลือด นอกจากนี้ก็ควรจะลดและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารให้ดีขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดโรคไขมันพอกตับในอนาคต

Leave a reply